บริการสืบค้น

Custom Search

PostHeaderIcon พิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย


ตั้งอยู่ภายในบริเวณธนาคารไทยพาณิชย์ ถนนรัชดาภิเษก (เอสซีบี ปาร์ค)จัดแสดงวิวัฒนาการของเงินตรานับแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีการและเปลี่ยนสัตว์เลี้ยงและทาส มาเป็นโลหะวัตถุและเป็นเงินตราในที่สุด และยังจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิวัฒนาการของธนาคารในประเทศไทยนับจากธนาคารแห่งแรกของไทยถือกำเนิดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2431 เปิดให้เข้าทุกวันอังคาร-เสาร์ ตั้งแต่เวลา 10.00-17.00 น. โทร. 0 2544 4504, 0 2544 4525, 0 2544 4462-3

หากก้าวเข้าไปในตัวอาคาร ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาตลาดน้อย ความรู้สึกที่คงค้างมาจากด้านนอกก็ยิ่งทวีคูณ เพราะเจอกับอินทีเรียดีไซน์สมัยปู่ย่ายังสาว เผลอๆ คอลเลคชั่นอินเทรนด์ ที่เฟ้นเลือกมาสวมใส่มาจัดการเรื่องเงินๆ ทองๆ ก็อาจจะดูแปลกแยก แตกต่างจากสถานที่ทำธุรกรรมเหลือเกิน ด้วยความที่ตัวอาคารเก่าแก่ได้รับการบูรณะขึ้นมาจนเหมือนใหม่ของธนาคารแห่งนี้ คงกลิ่นอายของธนาคารพาณิชย์ในยุคแรกๆ ของสังคมไทยที่ยังสดใหม่ให้เราได้เห็น เหมือนเพิ่งก่อสร้างเสร็จเมื่อไม่นานมานี้ 



ด้วยทำเลที่ตั้ง อาคารงามกับบรรยากาศริมน้ำเจ้าพระยา บอกเล่าถึงเรื่องราวในอดีต ที่เราทุกคนสามารถเข้าไปดื่มด่ำกับความงดงามของศิลปะแบบตะวันตกยุคที่ลัทธิล่าอาณานิคมเข้ามาบีบคั้น ศิลปะแขนงต่างๆ จึงออกมาในรูปแบบผสมผสานระหว่างความเจริญของโลกตะวันตกและวัฒนธรรมแห่งโลกตะวันออก 


หากพูดถึงประวัติของสาขาธนาคารพาณิชย์แห่งนี้ ต้องพูดถึงชื่อของ Annibale Rigotti สถาปนิกชาวอิตาลี ผู้ทำหน้าที่ออกแบบอาคารดังกล่าว และยังฝากผลงานระดับแกรนด์เอาไว้อีกมากมาย อย่างน้อยก็พระที่นั่งอนันตสมาคมและตึกไทยคู่ฟ้า ที่ยังยืนยาวมาจนถึงวันนี้ 


ตัวที่ทำการสาขาตลาดน้อย เป็นสถาปัตยกรรมแบบโบซารส์ (Beaux Arts) และมีผู้รับเหมาสัญชาติเยอรมัน ชื่อ ห้างยี.ครูเซอร์ รับหน้าที่คุมงานก่อสร้างทั้งหมด ในปี พ.ศ.2451 ถัดจากนั้น อีก 74 ปีต่อมา อาคารเก่าแก่หลังนี้ก็ได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2525 จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพราะความสวยเด่นเป็นสง่า 


“ในยุคนั้นเป็นยุคที่การค้าขายยังใช้ทางน้ำเป็นหลัก การตั้งสำนักงานตลาดน้อยที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้ถือเป็นยุครุ่งเรืองของธนาคาร เพราะเป็นย่านธุรกิจและการค้าที่สำคัญในขณะนั้น กิจการของธนาคารเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว เพราะสะดวกในการคมนาคมทั้งทางบกและทางน้ำ จึงมีการเปิดให้บริการด้านต่างๆ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้านเงินฝาก โดยเริ่มเงินฝาก ‘สงวนทรัพย์’ หรือเงินฝากออมทรัพย์ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย” คุณหญิงชฎา วัฒนศิริ ธรรม อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์เล่าย้อนอดีตให้ฟัง 





ถ้าดูจากแปลนเดิม จะเห็นว่าทางเข้าสำนักงานกินความกว้างเพียงไม่กี่เมตร แต่พอพ้นจากส่วนนั้น จะพบกับพื้นที่กว้างขวาง ทั้งนี้เป็นไปตามความเชื่อไทยโบราณว่าเป็นพื้นที่แบบ ‘ถุงเงิน’ ทั้งยังคล้องกับแนวคิดด้านสถาปัตยกรรมที่ผสมความเชื่อของชาวจีนว่า ทางเข้าแคบแต่ปลายบานจะทำให้เงินเข้าง่ายออกยาก 


ครั้นเมื่อก้าวข้ามบันไดทางเข้าหลักเพื่อไปสู่ด้านในของตัวอาคาร นาฬิกาก็เหมือนจะทวนเข็มกลับไปไม่รู้กี่ร้อยพันรอบ เพราะเจอกับการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และผ้าไหม สถาปัตยกรรมคลาสสิคบนลวดลายหัวเสา รวมทั้งวัสดุเครื่องใช้ในการทำงานต่างๆ ได้แก่ เครื่องตรวจ ลายมือชื่อ เครื่องพิมพ์ดีดโบราณ เครื่องคำนวณ ที่น่าจะเข้าไปอยู่สงบๆ ในพิพิธภัณฑ์มากกว่า หรือพื้นกระเบื้องลายศิลปะแบบอาร์ตนูโว อายุร่วม 100 ปี แบบเดียวกับที่ใช้ในพระราชวังบ้านปืน จังหวัดเพชรบุรี 


หากย้อนถามเศรษฐีเก่าในปัจจุบัน แม้จะเปลี่ยนเจเนอเรชั่นมาหลายชั่วอายุคนแล้ว แต่จะพบว่าหลายตระกูลไม่ว่าจะเป็นราชนิกูลดั้งเดิมหรือโล้สำเภาเข้ามาสร้างตัวเมืองไทย ต่างก็เริ่มต้นเปิดประตูแห่งความมั่งคั่งที่นี่เป็นจุดแรก และประตูที่ว่าล้วนเกิดขึ้นระหว่างกรอบไม้ระแนงสีทองเหลืองและเคาน์เตอร์ไม้ที่ประกอบกันอย่างประณีตลงตัวแห่งนี้ ซึ่งทำหน้าที่ต้อนรับลูกค้าทุกระดับมาตั้งแต่เริ่มสาขา 





เมื่อเลยเข้าไปหลังระแนงทองเหลือง จะเป็นทางลงสู่ ‘ห้องมั่นคง’ (Strong Room) รับหน้าที่เก็บเงินสดและทองคำที่ลูกค้ามาฝากไว้ ซึ่งตู้เซฟทั้งหมด ทำมาจากไม้บีชโบราณ ขณะที่ประตูห้องเป็นระบบล็อก 7 ชั้น ที่หาชมยากและแทบไม่มีแล้วในระบบธนาคารปัจจุบัน แต่ทั้งหมดก็ยังคงใช้งานได้ดี 


ขึ้นไปชั้นบน พื้นที่นี้เคยเป็นส่วนแสดงของพิพิธภัณฑ์ธนาคารไทย ให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ ก่อนจะถูกย้ายมาไว้ที่สำนักงานใหญ่ แยกรัชโยธินราว ในปี พ.ศ.2538 


ตัวธนาคารสาขาตลาดน้อย จึงปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวไว้เป็นห้องรับรองและพื้นที่เอนกประสงค์โดยเปิดโอกาสให้สาขาหรือลูกค้าเข้ามาใช้จัดงาน นิทรรศการ หรือการประชุม ตามแต่โอกาส และยังมีระเบียงพักผ่อนบนยอดอาคาร หรือจะเปลี่ยนบทให้เป็น ‘ริเวอร์วิว’ บางครั้งบางคราวก็ได้ 

0 ความคิดเห็น: